ตำนานท่าเตียน
เมื่อพูดถึงยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงตำนานของท่าเตียนด้วย ชื่อที่เรียกขานว่า “ท่าเตียน” มีที่มาจากหลายแหล่ง บ้างก็ว่าเกิดขึ้นในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ที่บริเวณนี้เคยเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่จนราบเลี่ยนเตียนโล่งไป จึงเกิดเป็นเรื่องเล่าขานเพื่อลดความน่ากลัวของเหตุไฟไหม้นี้ให้เป็นเรื่องยักษ์ต่อสู้กันแทน บ้างก็เชื่อว่าชื่อนี้มาจาก “ฮาเตียน” หรือ “ห่าเตียน” เมืองท่าแห่งหนึ่งบริเวณปากแม่น้ำโขง เป็นเมืองท่าปลอดภาษี นับว่าเป็นรัฐอิสระในอารักขาของทั้งกัมพูชา เวียดนาม และสยาม จนในที่สุดในปี ค.ศ. 1832 จึงผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเวียดนาม ส่วนในเอกสารไทยเรียกว่า บันทายมาศ หรือ พุทไธมาศ (ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ราชรัฐห่าเตียน ) เนื่องจากแถวนี้ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวญวนอพยพหนีภัยสงครามจากเว้ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี จึงเรียกชื่อถิ่นฐานในกรุงเทพฯ นี้ว่าฮาเตียน เนื่องจากมีภูมิทัศน์คล้ายกับฮาเตียนเพื่อคลายความคิดถึงถิ่นฐานเดิมของตน และต่อมาได้เรียกเพี้ยนจนเป็นท่าเตียนในที่สุด
ที่มา : https://www.facebook.com/GMM25Thailand/videos/2902391226536371/ และ https://historyoftemples.kachon.com/358718

ศึกท่าเตียนเหตุจากไม่ยอมคืนเงิน
สำหรับเนื้อเรื่องของการต่อสู้กันระหว่างยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์นั้น กล่าวถึงยักษ์ทั้งสองวัด ที่เดิมเคยเป็นเพื่อนกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง ยักษ์วัดโพธิ์ไม่มีเงินก็เลยข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาขอยืมเงินจากยักษ์วัดแจ้ง ซึ่งยักษ์วัดแจ้งก็ให้ยืม แต่พอถึงกำหนดคืน ยักษ์วัดโพธิ์กลับไม่ยอมคืนเงิน ยักษ์วัดแจ้งจึงต้องข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาทวงเงิน จนเกิดการต่อสู้กัน แต่ด้วยพลังอานุภาพของยักษ์ทั้สองทำให้ต้นไม้ในบริเวณที่ยักษ์ทั้งสองเดินผ่านราบเลี่ยนเตียนโล่ง จนสุดท้าย พระอิศวรจึงเสด็จมาลงโทษยักษ์ทั้งสอง โดยสาปให้กลายเป็นหิน ให้ยักษ์วัดโพธิ์ไปยืนเฝ้ามณฑปและยักษ์วัดแจ้งไปยืนเฝ้าพระวิหาร ส่วนบริเวณที่ยักษ์รบกันก็คือ “ท่าเตียน” นั่นเอง แต่ในความเป็นจริงนั้น ยักษ์วัดแจ้งยืนเฝ้าประตูทางเข้าพระอุโบสถไม่ใช่พระวิหาร
ที่มา : https://www.exoticquixotic.com/stories/wat-pho-wat-jaeng-giants และhttps://www.winnews.tv/news/10179